Jack Jack ..

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


:: เกาะมุกด์และถ้ำมรกต ::
ลักษณะส่วนใหญ่ของเกาะมุกด์เป็นโขดผาสูงตระหง่านหน้าผาเหล่านี้ เป็นที่อาศัยของ นกนางแอ่น และได้ซุกซ่อนถ้ำมรกตหรือถ้ำน้ำ ซึ่งมี ความงดงามตระการตา ไว้อย่างมิดชิดถ้ำมรกตนี้ จะเข้าออก ได้เฉพาะช่วงน้ำลงเท่านั้น โดยปากถ้ำเป็นโพรงเล็ก ๆ สูงพ้นระดับน้ำพอเรือลอดได้ เมื่อลอดเข้าไป แล้วจะเป็น เส้นทางคดโค้งระยะทางประมาณ 80 เมตร ก่อนจะออกมาเจอปากถ้ำอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็น หาดทรายขาวสะอาด ล้อมรอยด้วยหน้าผาสูงชันเกาะเชือก อยู่ระหว่างเกาะมุกด์ และเกาะไหง ใต้ทะเล ที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่ง เกาะกระดานชายหาด มีทรายขาวละเอียด เหมือนแป้ง และน้ำใส จนมองเห็น แนวปะการังซึ่งทอดยาวจากชายหาดด้านเหนือถึงชายฝั่ง และมีฝูงปลาหลากสี แหวกว่ายอย่างสวยงาม สำหรับผู้นิยม การโต้คลื่นด้านหลังเกาะมีอ่าวเล็ก ๆ ที่มีคลื่นลูกโต ๆ สาดม้วน เข้าหาหาดเป็นระลอก ๆ เกาะกระดานอยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะมุกด์และเกาะลิบง ใช้เวลาเดิน ทางจากปากเมงเกือบ 2 ชั่วโมง ฤดูท่องเที่ยวอยู่ในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤษภาคม
ที่มา  
http://www.hotelsthailand.com/south/trang/places.cfm

:: เขื่อนอุบลรัตน์ ::
เรียกอีกชื่อว่า "เขื่อนพองหนีบ" เนื่องจากสร้างข้ามแม่น้ำพองโดย ปิดกั้นลำน้ำพองตรง บริเวณช่องเขา ที่เป็นแนวต่อระหว่าง เทือกเขาภูเก้าและภูพานคำการก่อสร้างเริ่มเมื่อปลายปี พ.ศ. 2506 แล้วเสร็จปลายปี พ.ศ. 2508 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พร้อมด้ว ยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตน์ราชกัญญาฯ ได้เสด็จไปทรงทำพิธีเปิดเขื่อน เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2509 เป็นเขื่อนเอนกประสงค์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน มีประโยชน์ในด้านต่างๆ มากมายทั้งการ ผลิตกระแสไฟฟ้า การเกษตร การประมง การป้องกันอุทกภัย การคมนาคม ตลอดไปจนถึงเป็นที่สำหรับพัก ผ่อนหย่อนใจ ภายในบริเวณมีร้านอาหารมากมายหลายประเภท ตั้งแต่อาหารตามสั่งไปจนถึงส้มตำ แต่ อาหารจานเด็ดก็คือปลานิลซึ่งจับได้ภายในเขื่อนนั่นเอง นำไปประกอบอาหารได้สารพัดประเภท เช่น ปลานิล ชุบเกลือย่าง ต้มยำปลานิล นั่งปูเสื่อรับประทาน แบบสบายๆ เข้ากับบรรยากาศ อ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนอุบลรัตน์มีพื้นที่ถึง 256,000 ไร่ เป็นแหล่งผลิตปลาและสัตว์น้ำจืดแหล่งใหญ่ ของ ภาคอีสานแห่งหนึ่ง ช่วงสายของทุกวันที่นี่จะจอแจด้วยรถบรรทุกขนาดเล็กจากจังหวัดขอนแก่น และ จังหวัดใกล้เคียงจอดรอคัดปลาอยู่บริเวณท่าปลา ที่นั่นมีกิจการโรงน้ำแข็งท้องถิ่นสำหรับแช่ ปลาสดกลับไป นอกจากนั้นยังมีปลาร้าซึ่งส่วนใหญ่ทำจากปลาขาวนำมาบรรจุไหมาวางเรียงราย ขายกันอยู่ด้วย ที่เขื่อนมีบ้านพักบริการ และมีเรือให้เช่าชมทิวทัศน์โดยคิดค่าบริการลำละ 600 บาท สอบถามราย ละเอียดเพิ่มเติมที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ทำการเขื่อนอุบลรัตน์ โทร. (043) 446231 การเดินทางไปชมเขื่อนไปได้ตามทางหลวงหมายเลข 2 (ขอนแก่น - อุดรธานี) ห่างจากขอนแก่น 26 กิโลเมตร ถึงหลักกิโลเมตรที่ 470 - 471 จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่เขื่อนอุบลรัตน์อีก 24 กิโลเมตร รวมระยะทางห่างจากตัวเมือง 50 กิโลเมตร
ที่มา  http://www.hotelsthailand.com/northeast/khonkhan/places.cfm

:: พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ::
ตั้งอยู่ในบริเวณค่ายพระรามหก ที่ตำบลห้วยเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ตรงหลักกิโลเมตรที่ 216 เลยหาดชะอำมา เล็กน้อย เป็นพระตำหนักที่ประทับริมทะเล ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้รื้อพระตำหนักหาดเจ้า สำราญมาปลูกขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2466 ได้รับขนานนามว่า "พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง" ลักษณะเป็น พระตำหนักไม้สองชั้น หันหน้าออกสู่ทะเล พระตำหนักฝ่ายในอยู่ปีกขวา ทางปีกซ้ายเป็นส่วนของฝ่ายหน้า ประกอบด้วย พระที่นั่งสามองค์ เชื่อมต่อถึงกันโดยตลอด พระที่นั่งสุนทรพิมาน เป็นที่ประทับของพระนางเจ้าอินทรศักดิ์ศจีพระวรชายา พระที่นั่งพิศาลสาครเป็นที่ประทับ ของพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นหมู่พระที่นั่งตรงกลางประกอบด้วยห้องต่างๆ สำหรับ สำราญพระอิริยาบถ ห้องพักข้าราชบริพารที่คอยรับ ใช้ใกล้ชิด ห้องทรงพระอักษร และพระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์เป็น อาคารโถงสองชั้นเปิดโล่งใช้เป็นที่ประชุมในโอกาสต่างๆ และเป็นโรงละคร ซึ่งเคยจัดแสดงละครครั้งสำคัญ 2 ครั้ง คือ เรื่องพระร่วง และวิวาห์พระสมุทร

ในปี พ.ศ.2484 เจ้าพระยารามราฆพ ได้สร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว ถวายเป็นพระราชานุ สรณ์ประดิษฐานไว้ ณ ท้องพระโรงพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน และได้จัดงานบำเพ็ญพระราชกุศลถวาย เป็นพระราช สักการะ เนื่องในวันที่ระลึกคล้ายวันสวรรคตของพระองค์ในวันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นประจำทุกปี

พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00 - 16.00 น. สำหรับผู้เข้าชมเป็นหมู่คณะ ต้องทำ หนังสือถึงผู้กำกับการกองบังคับการฝึกพิเศษ ค่ายพระรามหก อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี โทร. (032) 471388 , 471130
ที่มา  
http://www.hotelsthailand.com/central/petchaburi/places.cfm

::: ภูโคลนคันทรี่คลับ ::
เป็นแหล่งค้นพบโคลนจากน้ำพุร้อน นับเป็นหนึ่งในสามแหล่งของโลกที่มีการค้นพบโคลนที่นำมาใช้ในการเสริมสร้างสุขภาพความงามให้กับผิวพรรณของเรา นอกเหนือจากโคลนใต้ทะเล dead sea และโคลนภูเขาไฟ เนื่องจากมีแร่ธาตุที่มีประโยชน์ เช่น แคลเซียม ที่ช่วยปรับความสมดุลย์ของผิว โบรไมด์มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรค แมกนีเซียมช่วยเสริมสร้างและช่อมแซมเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เป็นต้น เป็นแหล่งที่สามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ภูโคลน ให้บริการในรูปแบบของแนเชอรัลสปา และมีสระน้ำแร่ธรรมชาติ สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0 5361 2265, 0 6198 0722 หรือ http://www.pooklon.com 

การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 สายแม่ฮ่องสอน - ปาย ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปตามถนนเข้าหมู่บ้านกุงไม้สัก - บ้านห้วยนาขานอีก 4 กิโลเมตรจะพบภูโคลนอยู่ทางขวามือ